โบ๊ทจ๋า
รักเธอนะจ๊ะ
    “ ดื่มน้ำก่อนสิ”  โค้กแก้วหนึ่งถูกวางไว้ตรงหน้าฉัน  ก่อนที่เจ้าของร่างสูงใหญ่  หน้าตาคมคาย  จะนั่งลงข้างๆ
    “ ดื่มน้ำก่อนแล้วค่อยทำต่อก็ได้  หักโหมเกินไปเดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก”  เขายังเซ้าซี้ฉันต่อ
    “ อย่ามากวนใจได้มั้ย  ฉันกำลังรีบอยู่  เธอกลับไปก่อนเถอะน่าโบ๊ท”
เขาจึงนั่งนิ่งๆ ไม่ได้พูดอะไรอีก  ส่วนฉันก็รีบทำรายงานเพื่อให้ทันกำหนดส่งในวันพรุ่งนี้  เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว  พอฉันเงยหน้าขึ้นอีกที  ท้องฟ้าก็เริ่มขมุกขมัว แสดงว่าเป็นเวลาใกล้ค่ำแล้ว  โบ๊ทยังคงนั่งฟุบหลับอยู่ข้างๆฉัน  ฉันจึงปลุกเขาให้ตื่น
    “มารอฉันทำไม  บอกให้กลับก่อนก็ไม่เชื่อ”
    “ไม่ได้หรอก  ดาวเป็นผู้หญิงกลับบ้านมืดๆค่ำๆคนเดียวมันอันตราย”
    “พูดเหมือนแม่ฉันเลย  นับวันยิ่งขี้บ่นขึ้นทุกวันๆเลยนะคะคุณตาโบ๊ท”
    “คนเขาอุตส่าห์เป็นห่วงนะ  ยังจะมาว่าอีก”
    “ขอโทษค่ะ”  ฉันแกล้งทำเสียงล้อเลียน  โบ๊ทจึงได้แต่ยิ้มๆ  แล้วเราสองคนก็เดินกลับบ้านพร้อมกันเหมือนทุกวัน  บ้านของฉันอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยนัก  บ้านของโบ๊ทก็เช่นกัน  ความจริง  บ้านเราสองคนอยู่ห่างกันเพียงแค่สองคูหากั้นเท่านั้น  แต่อย่าคิดว่าเราจะรู้จักกันตั้งแต่เด็กๆล่ะ  ฉันกับเขาเพิ่งรู้จักกันตอนมัธยมปลายเท่านั้นเอง  เพราะฉันเพิ่งย้ายบ้านมาจากต่างจังหวัด  และโบ๊ทก็เป็นเพื่อนบ้านคนแรกที่ฉันรู้จัก  จะว่าไปแล้ว  มันก็นานเหมือนกันนะ  เพราะตอนนี้  เราเรียนอยู่ปีสาม  6ปีแล้วที่เรารู้จักกัน  ฉันกับโบ๊ทจึงสนิทกันมากจนโดนใครต่อใครล้อว่า  เราเป็นแฟนกัน
    แล้วมันจริงหรือเปล่าล่ะ  เพื่อนๆต่างพากันตั้งข้อสงสัย  ฉันจึงรีบปฏิเสธทันควันว่าไม่ใช่  ระหว่างฉันกับโบ๊ท  เราก็คบกันแบบเพื่อนมาตลอด  เขาไม่เคยจีบฉันเลย  ดอกไม้ซักช่อก็ไม่มี  จะชมหรือพูดจาหวานๆสักคำก็ไม่เคยได้ยิน  เขาก็ทำตัวกับฉันเหมือนกับที่ทำกับคนอื่นๆนั่นแหละ  เพียงแต่เราสนิทกันมากกว่าคนอื่น  โบ๊ทจึงไปไหนมาไหนกับฉันมากกว่าคนอื่นๆเท่านั้นเอง
    แต่พอกระแสข่าวเรื่องฉันเป็นแฟนกับโบ๊ทเริ่มหนาหูขึ้น  เพื่อนๆพากันล้อไม่เว้นแต่ละวัน  ฉันจึงไม่ค่อยได้คุยกับโบ๊ทมากเหมือนแต่ก่อน  ฉันบอกเขาว่า  รอให้เรื่องซาลงหน่อย  เราค่อยคุยกันใหม่ดีกว่า  โบ๊ทรับคำอย่างว่าง่าย  แม้ว่าสายตาของเขาจะบอกว่าไม่เห็นด้วยก็ตาม  เขาจะไม่ขัดใจฉันถ้าไม่จำเป็น  และฉันก็เห็นว่าเรื่องนี้ฉันมีเหตุผลพอที่จะทำ
    เย็นวันหนึ่ง  ขณะที่ฉันกำลังเดินกลับบ้าน  โบ๊ทก็วิ่งตามหลังฉันมา  วันนี้ท่าทางเขาดูเลิ่ก
ลักเป็นพิเศษ
    “มีอะไรเหรอ  โบ๊ท”  ฉันถามเขา  และมองไปรอบตัวอย่างหวาดระแวง
    “ไม่มีใครตามมาหรอก” เขาบอกฉัน
   
“ไม่ได้หรอก  เดี๋ยวเกิดใครผ่านมาเห็นเข้า มันไม่ดี”
    “อยู่กับเรามันแย่นักเหรอดาว  ทำไมเธอต้องแคร์คนอื่นด้วยล่ะว่าเขาจะคิดยังไง  ถ้าเราไม่ใช่แฟนกันจริงๆ  ก็ไม่เห็นต้องเดือดร้อนเลย”
    “ก็เพราะว่าเราไม่ใช่แฟนกันจริงๆน่ะสิ  ฉันก็เลยต้องทำ  ถ้าเราห่างกันสักพักหนึ่ง  เดี๋ยวพวกเขาก็ลืมกันไปเอง  เราค่อยคุยกันเหมือนเดิมก็ได้  ฉันไม่ชอบให้ใครมาล้อเราแบบนี้  ฉันไม่อยากให้ใครเข้าใจผิด  ฉันเป็นผู้หญิง ฉันเสียหายนะโบ๊ท”
    “เราขอโทษ  เราไม่ทันคิดให้ดีก่อน”  เขาดูเศร้าๆ  แล้วเดินจากไป  โดยที่ฉันก็ยังไม่ทันรู้ว่า  เขาวิ่งตามฉันมาทำไม  แต่จะถามตอนนี้ก็คงไม่ทัน  เพราะเขาเดินไปไกลแล้ว  ฉันมองตามเขาไป  ใจนึงก็สงสารเขาเหมือนกัน  แต่รอไปสักพัก  เดี๋ยวเราก็ต้องกลับมาเป็นเหมือนเดิม  ฉันมั่นใจ
    เวลาผ่านไปประมาณหนึ่งสัปดาห์เต็มๆนับจากวันนั้นที่เราคุยกัน  ข่าวนี้เริ่มซาลงแล้ว  เพราะมีคู่ฮอตคู่ใหม่มาแทน  แต่โบ๊ทกับฉันก็ยังไม่ค่อยได้คุยกัน  พอฉันเห็นเขากำลังจะกลับบ้าน  ฉันจึงเข้าไปคุยกับเขา
    “กลับบ้านด้วยกันมั้ย”  ฉันชวน  เขางงเล็กน้อย  แต่ก็ตอบตกลง  ขณะที่เราเดินมาด้วยกัน  เขาก็ถามฉันว่า
    “ไม่กลัวคนเข้าใจผิดอีกเหรอ”
    “ไม่หรอกน่า  ข่าวมันเงียบไปแล้ว  ฉันขอโทษนะที่วันนั้นพูดแรงไปหน่อย  ไม่โกรธกันนะ”  โบ๊ทส่ายหน้ายิ้มๆ
    “ไม่โกรธหรอก  แค่น้อยใจเท่านั้น”
    “น้อยใจทำไม”
    “ก็เรามีความเห็นไม่ตรงกับดาวน่ะ”
    “เรื่องที่เราบอกให้อยู่ห่างกันสักพักน่ะเหรอ  เอาเป็นว่าเราขอโทษอีกหนละกันที่เราเอาแต่ใจตัวเอง  เลิกน้อยใจได้แล้วนะโบ๊ท”
    “ไม่ใช่อย่างนั้น  แต่เรื่องข่าวที่เราเป็นแฟนกัน
”
    “ทำไมเหรอ”
เขานิ่งนิดนึงก่อนจะตอบ
    “เราอยากให้มันเป็นจริง  แล้วดาวจะว่าไง”
คำพูดของเขาทำให้ฉันอึ้งไปชั่วขณะ  ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าที่เราคบกันมา  เขาจะมองฉันในฐานะอย่างนั้น  มันทำให้ฉันเริ่มสับสนและไม่รู้จะตอบเขาไปว่ายังไง
    “ดาวจำได้ไหม  วันที่เราวิ่งตามดาวมา”  ฉันพยักหน้ารับ
    “วันนั้นเราตั้งใจจะบอกเรื่องนี้กับดาว  แต่เราไม่กล้า”  เขาพูดพลางล้วงเอาดอกกุหลาบเหี่ยวๆดอกนึงออกมาจากกระเป๋ากางเกง
   
“รอจนถึงวันนี้  ดอกไม้ก็เหี่ยวหมดแล้ว”
    ฉันดึงดอกไม้ดอกนั้นออกมาจากมือเขา
    “ขอบคุณนะ” ฉันบอก  เขาทำหน้างงๆ  แต่ฉันยิ้มให้
    ฉันเองก็ยังงงๆเหมือนกันว่ารับดอกไม้มาจากเขาได้ยังไง  ฉันไม่แน่ใจเลยว่าฉันชอบเขาหรือเปล่า  แต่ฉันไม่อยากทำให้เขาต้องเสียใจ  แม้จะรู้ว่าตัวเองทำผิด  ฉันก็ยอมรับผิดและยอมรับว่าไม่อยากเห็นใบหน้าเศร้าๆของเขาอย่างในวันนั้นอีกแล้ว  เมื่อเขารู้สึกกับฉันแบบนี้  ฉันก็อยากจะตอบแทนความรู้สึกดีๆที่เขามีให้เช่นกัน
    หลังจากวันนั้นมา  ทุกอย่างก็เหมือนเดิม  ฉันหมายถึงเหมือนตอนก่อนที่จะมีข่าวนั้นออกมา  ฉันไม่รู้ว่าการกระทำในวันนั้นจะทำให้เขาคิดว่าฉันยอมเป็นแฟนกับเขาหรือเปล่า  แต่ไม่รู้น่ะดีแล้ว  เพราะถ้ารู้ฉันคงวางตัวลำบากเหมือนกัน
    อาทิตย์หน้าจะถึงวันเกิดของโบ๊ทแล้วล่ะ  ฉันต้องไปเตรียมของขวัญให้เขาก่อน  แต่ไม่รู้จะซื้ออะไรให้เขาดี  ทุกๆปีที่ฉันซื้อของขวัญให้เขา ก็มักจะเป็นของขวัญซ้ำๆเดิมๆทั้งนั้น  ต่างกับเขาที่ทุกปีไม่เคยซื้อของขวัญซ้ำให้ฉันเลย  และของขวัญของเขา  ก็ถูกใจฉันมากเสียด้วยสิ
    หลังจากไปเดินเลือกอยู่นานกว่า 2 ชั่วโมง  ในที่สุดฉันก็ได้ของขวัญมาให้เขาซะที  ฉันลงมือห่อของขวัญด้วยตัวเองเหมือนทุกปี  แม้ว่าจะไม่ค่อยมีฝีมือในการห่อสักเท่าไหร่  และฉันก็เขียนการ์ดให้เขาด้วย  แต่ปีนี้พิเศษกว่าทุกปีตรงที่การ์ดเป็นสีชมพูหวานแหวว  แล้วทำไมฉันต้องให้การ์ดสีนี้กับเขาด้วยล่ะ  หรือฉันจะชอบเขาจริงๆ
    วันนี้เป็นวันเกิดของโบ๊ท  ฉันตั้งใจจะเอาของขวัญไปให้เขาตอนบ่ายๆ  แต่น่าแปลกที่วันนี้  ฉันไม่ได้เจอเขาเลย  หรือเขาไม่มาเรียน  ฉันเองก็ไม่แน่ใจ  หลังจากเรียนเสร็จ  ฉันจึงตามหาเขาทั่วทั้งมหาวิทยาลัย  ก็ไม่เจอ  พอฉันกำลังจะเดินเข้าห้องน้ำ  ฉันก็พบเขา  ฉันจึงค่อยๆย่องไปด้านหลัง  กะว่าจะเอาของขวัญไปเซอร์ไพรซ์เขา  แต่ก็มีบางอย่างทำให้ฉันต้องหยุดความคิดนั้นไว้ก่อนที่จะทันก้าวพ้นขอบประตูเข้าไปในห้อง
    “ผมรักคุณ”
    “ฉันก็รักคุณค่ะ”
    “ต่อจากนี้ไป  ผมจะไม่ยอมให้คุณต้องห่างตัวผมไปอีกแล้ว  ผมจะปกป้องคุณตลอดไป”
    ฉันไม่อยากจะเชื่อกับภาพที่เห็นตอนนี้เลย  โบ๊ทกำลังจับมือผู้หญิงคนหนึ่งไว้และสารภาพรักกับเขา  แล้วทั้งสองคนก็กอดกัน  ตอนนั้นฉันสับสนไปหมด  และวิ่งออกมาโดยไม่รู้ตัว  ทำไมเขาต้องทำกับฉันแบบนี้  มาขอเป็นแฟนกับฉันแต่ไปสารภาพรักกับคนอื่น  หรือว่าเขาไม่แน่ใจว่าฉันจะรักเขาไหม  เพราะฉันไม่ได้ตอบเขาไปอย่างชัดเจน  เขาอาจคิดว่าฉันไม่รักเขาก็ได้  แต่ทำไมฉันต้องแคร์ด้วยล่ะ  ในเมื่อฉันคิดกับเขาแค่เพื่อนนี่นา  ที่ฉันยอมรับดอกไม้ของเขาก็เพราะไม่อยากให้เขาเสียใจเท่านั้นเอง  ยิ่งคิดฉันก็ยิ่งกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่  ฉันจึงรีบกลับบ้านไปทันที
   
เย็นวันนั้น  โบ๊ทมารอฉันที่หน้าบ้าน  แต่ฉันก็ไม่ออกไปพบเขา  ฉันทำใจไม่ได้ถ้าเขาจะมาบอกฉันว่า  เขารักกับผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่ฉัน  แม้ว่าระหว่างเราจะไม่เคยมีความลับต่อกัน  แต่สำหรับเรื่องนี้  ฉันไม่อยากรู้ทั้งนั้นไม่ว่าความจริงจะเป็นยังไง
   
หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา  ฉันก็เห็นโบ๊ทเดินควงกับผู้หญิงคนนั้นไปทั่วมหาวิทยาลัย  ฉันพยายามหลบหน้าเขาตลอด  แม้ว่าเขาจะพยายามเข้ามาคุยกับฉันก็ตาม  ฉันสังเกตเห็นด้วยว่า  นอกจากผู้หญิงคนนั้นแล้ว  โบ๊ทก็ยังไปคบค้าสมาคมกับบรรดากลุ่มเพื่อนๆของผู้หญิงคนนั้นด้วย  เพื่อนๆของฉันก็พากันสงสัยว่าผู้หญิงคนนั้นใช่แฟนของโบ๊ทหรือเปล่า  เพื่อนๆจึงได้ถามฉัน  แต่สำหรับเรื่องนี้  ฉันให้คำตอบพวกเขาไม่ได้
    เวลาผ่านไปเกือบเดือนแล้ว  ฉันยังไม่ได้คุยกับโบ๊ทเลยสักคำ  แม้กระทั่งจะมองหน้ากันก็ไม่มี  แต่โบ๊ทก็ยังพยายามติดต่อฉันทุกวิถีทาง  ฉันเองก็ไม่อยากทำตัวแบบนี้เลย  เพราะมันจะเป็นการบ่งบอกว่า  ฉันไม่พอใจที่เขาไปควงผู้หญิงคนอื่น  แต่ฉันก็ไม่อาจฝืนทำในสิ่งที่ตรงข้ามใจตัวเองได้
    วันนี้เป็นงานประจำปีของมหาวิทยาลัย  ทุกๆปีวันนี้จะเป็นวันที่ทุกคนสนุกสนานร่าเริงกัน  แต่ปีนี้ฉันคงไม่สนุกได้เหมือนที่เคย  เพราะเรื่องของเขานั่นแหละ  ฉันเดินเรื่อยเปื่อยไปตามงานและซุ้มต่างๆในตอนบ่าย  หลังจากที่ช่วงเช้าต้องนั่งเฝ้าซุ้ม  ความจริงฉันไม่อยากออกไปเดินที่ไหนเลย  แต่เพื่อนๆก็บอกว่าไปเปิดหูเปิดตาซะบ้าง  และฉันก็ได้บัตรชมละครเวทีมาใบนึงด้วย  เพราะเพื่อนของฉันบังเอิญติดธุระมาดูละครไม่ได้  ฉันค่อยๆก้าวเข้าไปในหอประชุมซึ่งเป็นสถานที่จัดการแสดงละคร
    ภายในหอประชุมจัดตกแต่งอย่างสวยงามเป็นพิเศษ  มีนักศึกษามากมายมารอชมละครเวทีในวันนี้  ฉันเข้าไปนั่งในที่ที่จัดไว้  และรอชมละครเวทีกำลังจะเริ่มแสดงในไม่ช้า
    ตัวละครบนเวทีโลดแล่นได้อย่างพลิ้วไหวสวยงามสะกดสายตาผู้ชมทุกคน  รวมทั้งฉันด้วย
พระเอกเป็นชายหนุ่มลึกลับที่คอยให้ความช่วยเหลือกับนางเอกซึ่งเป็นสาวชาวนาผู้ยากจน  ทุกครั้งที่เขาปรากฏตัวเพื่อช่วยเหลือนางเอก  เขาจะปกปิดใบหน้าตัวเองด้วยหน้ากากสีทอง  และแล้วทั้งคู่ก็รักกัน  ละครเวทีเรื่องนี้สนุกมาก  แต่เสียอยู่อย่างเดียว  ฉันไม่ชอบนางเอกเอาซะเลย  ก็เพราะว่านางเอกของเรื่องนี้คือผู้หญิงคนนั้น    คนที่เป็นหนามตำใจฉันอยู่ในตอนนี้ไง
    ความเย็นในห้องปรับอากาศทำให้ฉันรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำขึ้นมาอย่างกะทันหัน  ทั้งๆที่ฉันอยากจะดูละครต่อให้จบ  เพราะถ้าฉันลุกออกไป  ฉันจะต้องพลาดตอนจบของละครเรื่องนี้อย่างแน่นอน  แต่ในที่สุดฉันก็ต้องจำใจลุกออกไปในขณะที่ละครบนเวทีกำลังถึงฉากสุดท้าย  ขณะที่ฉันกำลังลุกออกไปจากหอประชุมนั้น  คำพูดต่างๆที่ฉันได้ยินโบ๊ทพูดกับผู้หญิงคนนั้น  ก็ลอยเข้ามาในสมองฉันอีก  ทำไมฉันจึงยังไม่ลืมเรื่องนี้สักที  แต่เมื่อฉันมองกลับขึ้นไปยังบนเวที  ฉันจึงได้รู้ว่า
    “ความจริงแล้ว  สิ่งที่ฉันได้เห็นและได้ยินโบ๊ทพูดในวันนั้น  เป็นเพียงแค่การซ้อมฉากจบของละครเวทีเรื่องนี้เท่านั้นเอง\"
    ฉันนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิมอย่างช้าๆพร้อมกับม่านเวทีที่ปิดลง  นักแสดงทุกคนต่างมายืนเรียงกันที่หน้าเวทีเพื่อขอบคุณผู้ชมทุกคนที่ได้ชมการแสดง  ชายหนุ่มลึกลับคนนั้นถอดหน้ากากออกพร้อมๆกับที่เขาหันมาสบสายตากับฉันพอดี  เขายิ้มให้ฉันอย่างอบอุ่นและฉันก็ยิ้มตอบกลับไปเช่นกัน  เขาคงแปลกใจไม่น้อยทีเดียวที่เห็นฉันยิ้มให้เขา  และเขาคงต้องแปลกใจมากขึ้นอีก  เพราะฉันกำลังจะบอกเขาว่า
                                                    “โบ๊ทจ๋า
.รักเธอนะจ๊ะ”
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น